สุดยอด “เด็ก ป.6” วาดภาพสีน้ำขายต่างประเทศ สร้างรายได้หลักแสน

ชื่นชม น้องออร์แกน เด็กหญิงชั้นป.6 สอนวิชาวาดรูปให้กับเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ชั้นประถมศึกษาต่างสถาบันเป็นครั้งแรก

ที่โรงเรียนเทศบาลวัดตรังคภูมิพุทธาวาส อ.กันตัง จ.ตรัง มีนักเรียนตั้งแต่ชั้น ป.1 จนถึง ป.6 จำนวน 80 คน มาเรียนวิชาศิลปะการวาดรูปด้วยสีน้ำกับ ด.ญ พรปวีณ์ อุตตสุรดี หรือ น้องออร์แกน อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนอนุบาลตรัง ซึ่งน้องออร์แกน ได้กลายเป็นต้นแบบให้กับนักเรียนทุกคนที่มีศิลปะอยู่ในหัวใจ ให้กล้าแสดงออกด้วยการวาดภาพสีน้ำ

เริ่มจากง่ายไปหายาก ซึ่งผลงานที่ออกมาเป็นธรรมชาติมากที่สุด สามารถฝากขายทางออนไลน์ได้หลายช่องทาง โดยทำเงินให้กับเจ้าของภาพได้ไม่ยาก ทั้งยังได้ฝึกสมาธิ ฝึกความอดทน และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อย่างคุ้มค่าด้วย

น้องออร์แกน ประสบความสำเร็จในการวาดภาพสีน้ำขายผ่านทางเพจ/เฟสบุ๊ก ชื่อว่า N’ August N’ organ จนสามารถขายชาวต่างชาติในเวลา 2 ปีได้เงินมาแล้วกว่า 200,000 บาท ซึ่งสามรถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองลงไปได้มาก น้องออร์แกนจึงได้รับเชิญเป็นวิทยากรถ่ายทอดวิชาศิลปะการวาดภาพให้กับนักเรียนคนอื่น ๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่รักศิลปะทุกคนได้ยึดตามเป็นแบบอย่าง ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่น้องออร์แกนมาเป็นวิทยากร สร้างความตื่นเต้นให้กับน้องออร์แกนเป็นอย่างมาก

ข่าวเด็ก

สำหรับน้องออร์แกน ได้ฝึกวาดภาพสีน้ำมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ คุณแม่เห็นมีแววจึงส่งให้เรียนวิชาศิลปะ ทำให้น้องยิ่งมีพัฒนาการที่ดีขึ้น จนกระทั่งน้องอายุ 9 ขวบ คุณแม่จึงตั้งเพจเฟซบุ๊กให้ เพื่อนำภาพวาดของน้องไปฝากขาย ราคาเริ่มต้นที่ภาพละ 10,000 บาท

ปรากฏว่า ถูกใจชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก เพราะเป็นภาพวาดของเด็กชั้นป.5 ป.6 ที่ลงสีน้ำและสีอะคริลิกได้อย่างสวยงาม จนมีการติดต่อขอซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยเดือนละ 2-3 ภาพ หรือ 20,000-30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพวิว ทิวทัศน์ทั่วไปตามท้องไร่ท้องนา ภูเขาและทะเล นอกจากจะสร้างรายได้ให้กับน้องออร์แกนอย่างเป็นกอบเป็นกำแล้ว ยังถือว่าเป็นการฝึกสมาธิ และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้อีกทางหนึ่ง

น้องออร์แกน กล่าวว่า ตนหัดวาดภาพมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบแต่วาดไม่สวย คุณแม่จึงให้ไปเรียนศิลปะ และครูบอกว่ามีพรสวรรค์และก็เรียนต่อมาเรื่อย ๆ ซึ่งตอนนี้วาดภาพได้เยอะแล้ว ส่วนภาพที่วาดได้นำไปขายชาวต่างชาติรูปละ 10,000 บาท ขายได้เดือนละ 2-3 ภาพ โดยผ่านทางเฟซฯ โดยมีรายได้แล้วกว่า 200,000 บาท

นชั้น ป.3 โรงเรียนเทศบาลวัดตรังคภูมิพุทธาวาส กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจที่พี่เขามาสอน ทำให้ได้เรียนรู้ศิลปะ และรักในศิลปะมากขึ้น ซึ่งวันนี้พี่เขามาสอนวาดภาพแมวเกาะบนกิ่งไม้ ราภาพของตนได้รับคัดเลือกเป็นที่ 1 ในวันนี้ ทำให้รู้สึกภูมิใจมาก และได้มีความรู้ทางสีน้ำได้เยอะขึ้น และขอเชิญชวนให้น้อง ๆ พี่ ๆ มาเรียนที่โรงเรียนเทศบาลวัดตรังคภูมิพุทธาวาส เพราะการสอนที่นี่ดี มีครูสอนหลายด้าน ใครชอบอะไรก็มาเรียนที่นี่ได้ ส่วนภาพที่ได้ในวันนี้ ตนจะนำไปอวดปู่กับย่า แนะนำข่าวเพิ่มเติม>>> กระต่ายกับเต่าที่แท้จริง มัวแต่ชะล่าใจหันไปล้อเพื่อน สุดท้ายชวดที่ 1 แบบตบเข่าฉาด

กระต่ายกับเต่าที่แท้จริง มัวแต่ชะล่าใจหันไปล้อเพื่อน สุดท้ายชวดที่ 1 แบบตบเข่าฉาด

กระต่ายกับเต่าที่แท้จริง มัวแต่ชะล่าใจหันไปล้อเพื่อน สุดท้ายชวดที่ 1 แบบตบเข่าฉาด

เรียกว่าเป็นการจำลองภาพจำจากนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าได้อย่างชัดเจนและเห็นภาพเลยทีเดียว สำหรับการชะล่าใจคิดว่าตัวเองสามารถทำได้จนลืมประเมินความสามารถของคู่ต่อสู้จนเกมพลิก

เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์โดยผู้ใช้งาน TikTok บัญชี kittichaiyasan โดยเป็นคลิปงานแข่งกีฬาสีของโรงเรียนในหมวดวิ่งแข่ง ที่คนชนะเกือบจะชนะอยู่แล้ว แต่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้เขาชวดรางวัลที่หนึ่ง

กระต่ายกับเต่าที่แท้จริง

โดยเขาได้บรรยายคลิปเพิ่มเติมว่า “กระต่ายกับเต่าต๊อกแต๊ก” ซึ่งในคลิปจะเห็นได้ว่า นักกีฬาสีม่วงที่วิ่งมาใกล้ถึงจุดชนะแทนที่จะรีบวิ่งเข้าสู่เส้นชัยแต่เขาเลือกที่จะหันหลังทำท่าล้อเลียนนักกีฬาสีแดงที่อยู่ข้างหลัง เลยทำให้เขาล้มลง กว่าจะลุกขึ้นมาได้ นักกีฬาสีแดงก็เร่งความเร็วแซงเขาและวิ่งเข้าเส้นชัยได้ในที่สุด

หลังจากที่คลิปดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็เรียกว่ากลายเป็นคลิปไวรัลที่มียอดเข้าชมมากกว่า 1 ล้านครั้ง รวมไปถึงยังมีคอมเมนต์อีกมากมายที่เข้ามาแซวความพลาดของนักกีฬาสีม่วงกันอย่างเอ็นดู ไม่ว่าจะเป็น “เจ็บ 1 % อาย 99%”, “ตำแหน่งที่ 1 อยู่ไม่นาน แต่ตำนานได้สร้างขึ้นแล้ว”, “สีม่วงนอนไม่หลับ 3 วัน” รวมไปถึง “มีน้ำใจให้เพื่อนเข้าก่อน”

อ่านข่าวเด็กที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่ : เห็นคลิปในโทรทัศน์ครั้งไร ก็ต้องบอกด้วยประโยคเดิมซ้ำๆ

เห็นคลิปในโทรทัศน์ครั้งไร ก็ต้องบอกด้วยประโยคเดิมซ้ำๆ

เห็นคลิปในโทรทัศน์ครั้งไร ก็ต้องบอกด้วยประโยคเดิมซ้ำๆคือ “คุณต้องการสื่ออะไร? ใจคุณคิดอะไร? รู้หรือไม่ว่ามันผิดกฎหมาย”

 

เด็ก

 

ก็คลิปทำร้ายเด็กตัวเล็กๆ เกือบจะทุกกรณีที่หลุดรอดออกมาเผยแพร่ในสังคมออนไลน์ สุดท้ายก็ตกมาถึงมือสื่อหลักอย่างโทรทัศน์

กลายเป็นประเด็นหัวข้อทางสังคมว่า สื่อหลักสมควรหรือไม่ที่จะต้องนำคลิปสะเทือนใจดังกล่าวมานำเสนอต่อ??

กลายเป็นว่าหนูน้อยผู้น่าสงสารคนนั้น ถูกกระทำรุนแรงทั้งจากครอบครัวและจากสื่อที่กระทำซ้ำอย่างเจ็บปวดทรมานสิ้นดี!!

การรายงานข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกล่าวถึงเบื้องหลังที่พ่อแท้ๆกระทำกับลูกตัวเอง ก็คงเพียงพอให้คนได้รับรู้ข่าวสารแล้ว

ไม่เห็นต้องนำคลิปทารุณโหดร้ายนั้น มาเปิดซ้ำไปซ้ำมาให้มันทรมานจิตใจคนดูข่าวแต่ประการใด!!

ต้องตำหนิไปที่ผู้ควบคุมบริหารข่าว บกพร่องและไร้ความสามารถ อีกทั้งยังขาดจิตสำนึกผิดชอบชั่วดีว่าสิ่งใดควร-ไม่ควร จะนำออกอากาศ

คนเล่าข่าวก็ชอบทำน้ำเสียงเหมือนเวทนาสงสารเด็กเหยื่อการกระทำทารุณ แต่หารู้ไม่ว่า คุณนั่นแหละช่วยกระทืบซ้ำความพิกลพิการของสังคมนี้ให้จมดิ่งบี้แบนไปกับการกระทำของตัวเองด้วย

ช่องไหนที่ยังมีพฤติกรรมเช่นนี้อยู่ ก็โปรดยุติเสียทีเถิดกับคลิปประเภทนี้ มันผิดทั้งกฎหมายและจรรยาบรรณ

วันเด็กก็เพิ่งผ่านไปหยกๆ การนำเสนอข่าวเด็กถูกทำร้ายควรอยู่ในกรอบ ไม่ใช่เข้าไปร่วมละเมิดเด็ก!!

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม คลิ๊กเลย >> เด็กแต่ละวัย ตรวจสุขภาพอะไรที่สำคัญบ้าง

เด็กแต่ละวัย ตรวจสุขภาพอะไรที่สำคัญบ้าง

การตรวจเช็กสุขภาพเด็กมีความสำคัญไม่แพ้ผู้ใหญ่ เพราะหากพบความผิดปกติโดยเร็วย่อมช่วยให้ดูแลรักษาได้ทันท่วงทีและป้องกันโรคที่จะเกิดขึ้นได้ถูกวิธี

เด็กแต่ละวัย

ทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการตามวัยของเด็ก นับเป็นพื้นฐานการมีสุขภาพดีที่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรละเลย เพื่อให้เจ้าตัวเล็กเติบโตอย่างแข็งแรงในอนาคต

นพ.นิธิ หล่อเลิศรัตน์ ผู้อำนวยการ กลุ่มงานทางคลินิก ด้านกุมารเวชศาสตร์ และกุมารแพทย์ ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า ในแต่ละช่วงเวลาการเติบโตของเด็กย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงตามวัยและมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน การติดตามอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อสุขภาพเด็กที่สมบูรณ์และเสริมสิ่งที่ขาดอย่างเหมาะสม

เด็กแต่ละวัย ตรวจสุขภาพประจำปีอะไรบ้าง

ในช่วงวัยทารกแรกเกิดจนถึงอายุ 7 วัน จะต้องมีการประเมินภาวะตัวเหลือง เจาะเลือดเพื่อตรวจคัดกรองภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ ตรวจการได้ยิน รวมถึงให้วัคซีนสำคัญอย่างวัคซีนป้องกันวัณโรคและป้องกันไวรัสตับอักเสบบี

ช่วงวัยทารกไม่เกิน 6 เดือน จะมีการติดตามการเจริญเติบโต เสริมสร้างพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ให้ได้วัคซีนที่เหมาะกับวัย

ช่วงวัยทารก 6 – 12 เดือน เริ่มตรวจสุขภาพช่องปากเพื่อเช็กฟันผุ สุขภาพเหงือก เพราะต้องปรับตัวในการกินอาหาร รวมถึงตรวจตาเพื่อคัดกรองภาวะตาเหล่ ตาเข และความผิดปกติต่าง ๆ ตรวจข้อสะโพก ตรวจอวัยวะเพศ ตรวจวัดความเข้มข้นของเลือดเพื่อประเมินภาวะโลหิตจาง

วัยเด็กตั้งแต่ 1 – 12 ปี เน้นตรวจด้านพัฒนาการและการเจริญเติบโตเพราะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง มีการวัดสายตาเพื่อแก้ปัญหาสายตาสั้น ยาว เอียง วัดความดันโลหิต รวมถึงคำแนะนำที่เหมาะสมด้านการเรียน การเล่น การเข้าสังคมเพื่อให้ปรับตัวได้ถูกต้อง

ช่วงวัยรุ่น 13 – 15 ปี ร่างกายจะแข็งแรงโตเต็มวัย แต่อาจละเลยการรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการ การออกกำลังกาย การใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม จำเป็นต้องตรวจสุขภาพโดยรวมเพื่อป้องกันโรคในระยะยาว

สุขภาพที่ดีของลูกคือสิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องใส่ใจและดูแลเป็นพิเศษ ถ้าลูกถึงวัยที่เหมาะสมพ่อแม่ควรให้ลูกได้รับการตรวจเช็กสุขภาพ เพื่อที่ลูกจะได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ

ช่วงอายุ 1 – 4 ปี ควรได้รับการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดและเกล็ดเลือด สุขภาพช่องปาก

ช่วงอายุ 4 – 7 ปี ตรวจปัสสาวะเพื่อหาความเสี่ยงต่างๆ ตรวจหาค่าสายตาอัตโนมัติ การทดสอบตาบอดสี ตรวจสุขภาพช่องปากและเอกซเรย์ช่องปาก

ช่วงอายุ 7 – 15 ปี ต้องได้รับการตรวจสมรรถภาพตับ การทำงานของไต ตรวจปัสสาวะ ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดและเกล็ดเลือด ตรวจระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด เช็กอายุกระดูก และภาวะความเป็นหนุ่มสาวในรายที่มีข้อบ่งชี้ ทั้งนี้รายละเอียดการตรวจเช็กสุขภาพเด็กขึ้นอยู่กับการพิจารณาโดยกุมารแพทย์เป็นสำคัญ อาจต้องมีการตรวจเพิ่มเติมตามความเหมาะสมขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของเด็กแต่ละคน จึงควรปรึกษากุมารแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเพื่อให้เด็กเติบโตได้อย่างแข็งแรงสมวัย

เพราะสุขภาพที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตได้อย่างแข็งแรงสมบูรณ์ พ่อแม่จึงไม่ควรละเลยการตรวจสุขภาพของลูกเป็นอย่างยิ่ง และควรหมั่นสังเกตพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงตามช่วงวัยของลูกอย่างสม่ำเสมอ